Dark Pattern ของการตลาดในโลกอินเทอร์เน็ต

Spread the love

Dark Pattern คืออะไร?

Dark Pattern ในโลกอินเทอร์เน็ต หมายถึง เทคนิคที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นใช้เพื่อหลอกลวงหรือชักจูงผู้ใช้ให้ทำสิ่งที่ไม่ต้องการหรือไม่คาดคิด ทำให้ผู้ใช้เสียประโยชน์หรือได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นนั้นๆ

ตัวอย่างของ Dark Pattern

  1. Hidden Costs (ค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่): เมื่อคุณกำลังจะซื้อของออนไลน์ คุณอาจจะเห็นว่าราคาถูก แต่เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้ายของการสั่งซื้อ กลับพบว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าจัดส่ง, ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม หรืออื่น ๆ
  2. Bait and Switch (หลอกล่อและสับเปลี่ยน): เว็บไซต์หรือแอปอาจแสดงผลบางอย่างที่น่าสนใจหรือฟรี แต่เมื่อคุณคลิกเข้าไปจะพบว่าต้องจ่ายเงินหรือได้รับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ที่ต้องการในตอนแรก
  3. Obstruction (การขัดขวาง): การทำให้การเข้าถึงข้อมูลสำคัญเป็นเรื่องยากหรือซับซ้อน เช่น การใช้ตัวหนังสือเล็กมากหรือการทำสีที่ทำให้อ่านยาก วิธีนี้มักใช้เพื่อให้ผู้ใช้ไม่สังเกตเห็นหรือไม่อ่านเงื่อนไขการให้บริการอย่างละเอียด
  4. Sneak into Basket (แอบใส่ในตะกร้า): เว็บไซต์บางแห่งอาจแอบใส่สินค้าเพิ่มเติมลงในตะกร้าของคุณโดยไม่บอก ทำให้คุณเสียเงินมากกว่าที่ตั้งใจ
  5. Roach Motel (กับดักแมลงสาบ): การทำให้สมัครหรือเข้าร่วมอะไรบางอย่างได้ง่าย แต่เมื่อคุณต้องการยกเลิกหรือออกจากบริการนั้นกลับยากและซับซ้อนมาก
  6. Privacy Zuckering (การล่อลวงข้อมูลส่วนตัว): การชักชวนให้คุณแชร์ข้อมูลส่วนตัวมากกว่าที่คุณต้องการ โดยใช้วิธีการซ่อนรายละเอียดในข้อตกลงที่ยาวและซับซ้อน (ชื่อของ Dark Pattern นี้คงเดาได้ไม่ยากว่าตั้งมาจากอะไร)
  7. Confirmshaming (การทำให้รู้สึกผิดเมื่อไม่ยอมรับ): การทำให้ผู้ใช้รู้สึกผิดหรือละอายใจเมื่อพวกเขาปฏิเสธข้อเสนอหรือไม่ยอมรับเงื่อนไข เช่น การใช้คำพูดเชิงลบเมื่อผู้ใช้คลิกปฏิเสธ

การใช้ Dark Pattern เป็นเรื่องที่ไม่ซื่อสัตย์และสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้ใช้ การตระหนักรู้เกี่ยวกับเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวงได้มากขึ้น

การป้องกันตัวจาก Dark Pattern

Photo by Maxime on Unsplash

การป้องกันตัวจาก Dark Pattern บนอินเทอร์เน็ตต้องอาศัยการระมัดระวังและความเข้าใจในเทคนิคที่อาจถูกใช้ในการหลอกลวงผู้ใช้ นี่คือวิธีที่คุณสามารถป้องกันตัวได้:

  1. อ่านให้ละเอียด: อ่านรายละเอียดทุกอย่างให้รอบคอบ โดยเฉพาะในขั้นตอนการสั่งซื้อ การสมัคร หรือการยอมรับเงื่อนไขการให้บริการ ค้นหาค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและข้อกำหนดที่ซ่อนอยู่
  2. ใช้เครื่องมือช่วยตรวจสอบ: ใช้ปลั๊กอินหรือส่วนเสริมของเบราว์เซอร์ที่ช่วยตรวจจับ Dark Pattern เช่น “Dark Patterns Detector” ซึ่งสามารถแจ้งเตือนเมื่อพบเทคนิคต่างๆที่เข้าข่าย Dark Pattern
  3. ระวังการแชร์ข้อมูลส่วนตัว: ระมัดระวังเมื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวหรือการสมัครบริการ อย่ารีบร้อนให้ข้อมูลโดยไม่ได้ตรวจสอบว่าบริษัทนั้นมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ดี 
  4. หาข้อมูลเพิ่มเติม: ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหรือสมัครบริการ ตรวจสอบรีวิวจากผู้ใช้คนอื่น ๆ หรือตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
  5. ระวังการคลิก: อย่าคลิกปุ่มหรือลิงก์แบบบไม่คิด โดยเฉพาะในหน้าเว็บที่คุณไม่คุ้นเคย อ่านปุ่มหรือลิงก์นั้น ๆ ให้ชัดเจนก่อนที่จะคลิก
  6. ตั้งค่าอีเมล: ใช้อีเมลสำรองในการสมัครบริการต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับสแปมหรือการใช้ข้อมูลส่วนตัวในทางที่ไม่ถูกต้อง
  7. เรียนรู้จากประสบการณ์: หากคุณเคยตกเป็นเหยื่อของ Dark Pattern ให้เรียนรู้จากประสบการณ์นั้น เพื่อให้คุณสามารถระวังและป้องกันตัวได้ดีขึ้นในอนาคต

สิ่งเหล่านี้เราควรหัดให้ระวังเป็นนิสัย เพราะการอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตก็ไม่ต่างอะไรไปกับการใช้ชีวิตอยู่ในโลกจริง สิ่งหลอกลวงเกิดจากการความรู้ไม่เท่าทันของเรา ซึ่งเราสามารถหาความรู้ และป้องกันตัวเองได้ แม้จะไม่สามารถการันตีว่าจะป้องกันได้ 100% ก็ตาม


Cover Photo by Tom Roberts on Unsplash

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top